เลข ไทยรัฐ 1 8 63
สรุปหุ้นผู้บริหารดอดซื้อ-แอบทิ้ง ประจำวันที่ 11 ก.พ.59ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกหน้าสถานีบริการของปตท. และบางจากฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ในวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ของ ปตท. อยู่ที่ 29.06 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 22.10 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 21.68 บาท/ลิตร, E20 อยู่ที่ 19.54 บาท/ลิตร และ E85 อยู่ที่ 16.89 บาท/ลิตร ส่วนดีเซล ยังคงเดิมที่ระดับ 20.19 บาท/ลิตร ,หมอไพศาลทำนายดวงตลาดหุ้นไทย ช่วงระยะเวลา (1 ม.ค.-2 เม.ย.59) หุ้นจะลงแรงประมาณ 10-30 จุด เนื่องจากดาวศุกร์โครจรเป็นอริ รวมถึงดาวอาทิตย์ที่เป็นดาวแสงสว่างโคจรไปในมุมมืดของโลกแสดงถึงความเสื่อมในช่วง 3 เดือนนี้ มกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม จนถึงที่ 2 เมษายน 59PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,386.95 ล้านบาท ปิดที่ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
นอกจากนั้น ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังมีอีกมาก โดยเฉพาะจากพลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลพิษอย่างไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในประเทศและต่างประเทศดังกล่าวโดยสถานการณ์ของธุรกิจของ CHOW ในปัจจุบันยังแข็งแกร่งและมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทั้งธุรกิจเหล็ก และธุรกิจพลังงาน News Summary: สรุปข่าวประจำวันที่ 11 ก.พ.59 ปัจจัยต่างประเทศกดดัน SET พรุ่งนี้ซึมต่อ อย่างไรก็ดีสายการบินไทยสมายล์ ไลออนแอร์ การบินไทย พร้อมช่วยเหลือหากนกแอร์มีปัญหา ขณะที่ล่าสุดจนท.สนามบิน เผยเที่ยวบินนกแอร์เชียงใหม่-กทม.DD8301 เช้านี้ถูกยกเลิกความผันผวนของธุรกิจ อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่ SCC ต้องเผชิญกับความผันผวนของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ รวมถึงความสามารถที่จำกัดในการกำหนดราคาในกลุ่มสินค้าประเภทโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ อีกด้วยสำหรับการเพิ่มทุนได้แบ่งเป็น 2 ล็อต ล็อตแรกได้แล้ว 500 ล้านบาท โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ได้เงินราว 400 ล้านบาท และจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ได้เงิน 100 ล้านบาท ล็อตที่เหลือก็คงจะเพิ่มทุนอีกราว 300-400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทุนสนใจครบแล้ว เพราะเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารงานชุดใหม่ การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ส่วนทุนของบริษัทจะกลับมาเป็นบวก และมีความพร้อมที่จะกลับมาซื่อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทันที
แนวต้าน : 810 และ 814บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ระบุว่า บริษัทคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะเติบโตแบบปานกลางในไตรมาส 1/59 และคงจะไม่เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วจนกว่าจะเริ่มมีการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของรัฐบาล กรมสรรพากร ชงต่อมาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวในปท.ออกไปอีก 2 ปี แนวต้าน : 8.50 และ 8.70,การกระจายความเสี่ยงในธุรกิจที่หลากหลาย อันดับเครดิตของ SCC ได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีการกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจหลักที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยผลประกอบการในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า SCC ได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ ซึ่งช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น เช่น การเติบโตของธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมีส่วนช่วยลดความกดดันจากภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ในปี 2555 หรือการที่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ช่วยทำให้ EBITDA รวมของ SCC สูงขึ้นแม้ว่าธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะมีผลประกอบการที่อ่อนแอในปี 2558 การที่ SCC ยังคงมุ่งขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องจะเป็นประโยชน์ต่อสถานะทางธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว,อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับแผนการเพิ่มทุนจากเดิมคาดว่าจะระดมทุนได้ราว 1,170 ล้านบาท อาจปรับลดลงเหลือ 800-900 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนหนี้ลดลง การใช้เงินลดลงจากแผนเดิม และผู้ถือหุ้นเดิมไม่ใช้สิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยแผนเดิมเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 1,170 ล้านบาท แบ่งเป็น 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ทองคำที่ จ.เลย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอต่ออายุใบอนุญาตจากรัฐบาล คาดว่าจะได้รับอนุญาตใน 2-3 เดือนนี้ อีกส่วนจ่ายคืนหนี้ที่มีการเจรจากับเจ้าหนี้ปรับลดหนี้เหลือ 520 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการเพิ่มทุนจะต้องเสร็จสิ้นภายในมี.ค.59SPALI Trading แนวรับ 17.80 แนวต้าน 18.30-18.50 ตัดขาดทุน 17.60สำหรับช่วงไตรมาส 4/58 โรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นได้เชื่อมต่อสายส่งและขายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากจำนวน 8.48 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3/58 มาเป็น 23 เมกะวัตต์ จึงมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากธุรกิจพลังงานในไตรมาส 4/58 เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/58 บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน สามารถพลิกจากขาดทุน 14.61 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/57 มามีกำไรสุทธิ จำนวน 36.27 ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 348% และส่งผลให้ผลประกอบการในงวดสะสม 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 58.50 ล้านบาทโดยแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศเพิ่มเติมในช่วงเดือน ก.ย.58-ม.ค.59 แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาท ซึ่งจะช่วยให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทขยายตัวเร่งขึ้นและส่งผลให้รายรับและสภาพคล่องของผู้ประกอบการดีขึ้นต่อเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี 58 ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 58 ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของประชาชนและภาคธุรกิจ และเอื้อต่อการดำเนินนโยบายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง และ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
(บรรณาธิการ:admin )
ความคิดเห็นล่าสุด